By Appkrub รับทำระบบ ERP on 19/11/25

รับทำระบบ ERP

ระบบERP โรงงานคืออะไร? จำเป็นต่อโรงงานไหม

ในยุคที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมการผลิตสูงขึ้น โรงงานไม่สามารถใช้การทำงานแบบเดิมที่แยกแต่ละแผนกออกจากกันอีกต่อไป ความเร็ว ความแม่นยำ และข้อมูลเชิงลึกคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้โรงงานลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน การนำ “ระบบ ERP โรงงาน” หรือ Enterprise Resource Planning เข้ามาใช้ จึงเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับกระบวนการผลิตให้ทันสมัยและสอดคล้องกับทิศทางอุตสาหกรรม 4.0

โรงงานจำนวนมากในปัจจุบันเลือก “เขียนระบบ ERP ใช้งานเอง” เพื่อให้รองรับรูปแบบการผลิตเฉพาะทาง ปรับแต่งฟังก์ชันได้ ไม่ติดข้อจำกัดของแพลตฟอร์มสำเร็จรูป และควบคุมต้นทุนระยะยาวได้ดีกว่า

บทความนี้จะพาคุณเข้าใจตั้งแต่พื้นฐาน ตั้งแต่ ERP คืออะไร ประโยชน์ของระบบ ERP ในโรงงาน ความแตกต่างของ ERP สำเร็จรูปเทียบกับ ERP แบบเขียนเอง โครงสร้างระบบที่โรงงานควรมี รวมถึงปัจจัยสำคัญก่อนการพัฒนา

ERP คือระบบบริหารจัดการข้อมูลทุกส่วนในองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว โดยมีฐานข้อมูลกลาง (Central Database) ที่เชื่อมทุกแผนกเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

  1. การผลิต (Production)
  2. จัดซื้อ (Purchasing)
  3. คลังสินค้า (Warehouse)
  4. คุณภาพ (QA/QC)
  5. บัญชี (Finance)
  6. ซ่อมบำรุง (Maintenance)
  7. ทรัพยากรบุคคล (HR)

เมื่อข้อมูลทุกอย่างเกิดขึ้นแบบ Real-time โรงงานสามารถตัดสินใจได้แม่นยำ รวดเร็ว และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นหน้างานได้ทันท่วงที

ทำไมโรงงานต้องมี ERP ในยุคอุตสาหกรรม 4.0

การทำงานของโรงงานเดิมอาจใช้ Excel เอกสาร หรือระบบแยกกันหลายตัว ที่ไม่เชื่อมโยงข้อมูล ทำให้เกิดปัญหา เช่น

  1. ข้อมูลซ้ำ ไม่ตรงกัน
  2. เช็คสต็อกช้า วัตถุดิบหาย
  3. ใช้เวลาสรุปรายงานนาน
  4. ผู้บริหารไม่สามารถดูข้อมูลหน้างานจริงได้

ERP แก้ปัญหานี้ทั้งหมดด้วยการรวมทุกข้อมูลให้มองเห็นภาพรวมทันที

ประโยชน์ของ ERP สำหรับโรงงาน

1. วางแผนการผลิตอย่างแม่นยำ

ระบบสามารถคำนวณ

  1. ปริมาณงานที่จะผลิต
  2. กำลังการผลิต
  3. สถานะเครื่องจักร
  4. สต็อกวัตถุดิบ

จึงลดการหยุดเครื่อง ลดงานค้าง และเพิ่ม Output ของสายการผลิต

2. คำสั่งผลิต (Work Order) ชัดเจน ตรวจสอบได้

ทุกผลิตภัณฑ์จะมีข้อมูลสำคัญ เช่น

  1. Order จากลูกค้า
  2. BOM (Bill of Material)
  3. กำหนดการเริ่ม-จบ
  4. การใช้แรงงาน วัตถุดิบ และเครื่องจักร

ทำให้ตรวจสอบต้นทุนจริงของแต่ละ Lot ได้ชัดเจน

3. ควบคุมสต็อกแบบ Real-time

ด้วยระบบ ERP โรงงานจะรู้ทันทีว่า

  1. วัตถุดิบเหลือเท่าไหร่
  2. สินค้าอยู่ในขั้นตอนใด
  3. ควรสั่งซื้อเพิ่มเมื่อใด
  4. ของหายหรือมีสต็อกผิดพลาด ณ จุดไหน

ช่วยลดเงินจมและลดต้นทุนการจัดซื้อ

4. ช่วยงาน QA/QC ตรวจสอบคุณภาพได้ละเอียด

ข้อมูลคุณภาพ เช่น

  1. ค่า Defect
  2. Scrap
  3. สถิติคุณภาพรายเครื่อง
  4. ปัญหาที่เกิดระหว่างผลิต

ถูกเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์และปรับปรุงการผลิต

5. รายงานผู้บริหารสรุปอัตโนมัติ

ไม่ต้องรอพนักงานทำรายงานเอง ระบบสามารถแสดงผลแบบ Dashboard เช่น

  1. KPI การผลิต
  2. ประสิทธิภาพเครื่องจักร
  3. เปรียบเทียบต้นทุนจริงกับต้นทุนมาตรฐาน
  4. สินค้าค้างผลิต

ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วและแม่นยำ

ERP สำเร็จรูป VS ERP พัฒนาเอง

หลายโรงงานเริ่มตั้งคำถามว่าจะ “ซื้อ ERP สำเร็จรูป” หรือ “พัฒนา ERP เอง” ดีกว่า

ERP สำเร็จรูป

ข้อดี

  1. ใช้งานได้เร็ว
  2. เหมาะกับโรงงานที่รูปแบบการทำงานไม่ซับซ้อน
  3. มีระบบ Support

ข้อจำกัด

  1. ปรับแต่งฟังก์ชันได้จำกัด
  2. ค่า License สูงเมื่อจำนวนผู้ใช้เยอะ
  3. หากต้องเพิ่มระบบเฉพาะทาง อาจทำไม่ได้

ERP เขียนเอง (Custom ERP)

ข้อดี

  1. ปรับได้ 100% ตามรูปแบบการผลิตของโรงงาน
  2. ไม่มีค่ารายปี
  3. ต่อโมดูลเพิ่มได้เมื่อธุรกิจโต
  4. เหมาะกับโรงงานที่มี Process ไม่เหมือนใคร

ข้อควรระวัง

  1. ต้องมีทีม Dev หรือบริษัทที่เชี่ยวชาญ
  2. ต้องมีผู้ดูแลระบบระยะยาว

ฟังก์ชันที่ ERP โรงงานควรมี

1. MRP & Planning

ระบบวางแผนวัตถุดิบและกำลังการผลิต

  1. คำนวณจำนวนที่ต้องผลิต
  2. เชื่อมกับสต็อกวัตถุดิบ
  3. ป้องกันของขาดระหว่างผลิต

2. Warehouse & Inventory

ระบบคลังสินค้าแบบ Real-time

  1. เข้า-ออกสินค้า
  2. Lot Tracking
  3. FIFO / FEFO
  4. Barcode / RFID

3. Production Control

ดูสถานะการผลิตแบบสด เช่น

  1. กำลังผลิตอยู่กี่ Order
  2. สั่งผลิตเสร็จแล้วกี่ชิ้น
  3. เครื่องไหนมีปัญหา

4. Quality Control (QC)

บันทึกผลตรวจคุณภาพ เช่น

  1. ขนาด
  2. ความแข็งแรง
  3. ค่า Defect
  4. Percent Yield

5. Maintenance (PM/CM)

ช่วยวางแผนซ่อมเครื่องจักรทั้ง

  1. Preventive Maintenance
  2. Corrective Maintenance

ลด Downtime ของการผลิต

6. Finance & Costing

วิเคราะห์ต้นทุนของแต่ละกระบวนการ เช่น

  1. วัตถุดิบ
  2. ค่าเครื่อง
  3. ค่าแรง
  4. ค่าเสียหาย

รู้ต้นทุนจริงของแต่ละ Lot

เทคโนโลยียุคใหม่ที่โรงงานสามารถนำมาเชื่อมกับ ERP

  1. Machine & IoT Sensor
  2. ระบบอ่าน Barcode และ RFID
  3. AI วิเคราะห์ข้อมูล Big Data
  4. ระบบติดตามการผลิตเรียลไทม์บน Tablet หรือมือถือ
  5. Cloud ERP ใช้งานได้ทุกที่

การเชื่อมเหล่านี้จะทำให้โรงงานก้าวไปสู่ Smart Factory อย่างแท้จริง

ปัจจัยสำคัญก่อนเริ่มพัฒนา ERP

  1. โรงงานต้องกำหนดเป้าหมายชัดเจน
  2. วิเคราะห์ขั้นตอนจริงในหน้างาน
  3. เลือก Tech ที่รองรับการเติบโตในอนาคต
  4. มีทีม Dev และที่ปรึกษาที่เข้าใจระบบโรงงาน
  5. เตรียมแผนอบรมคนให้ใช้ระบบ

สรุป

การพัฒนาและเขียนระบบ ERP สำหรับโรงงาน ไม่ใช่แค่เรื่องของโปรแกรม แต่เป็นการยกระดับกระบวนการผลิตทั้งหมด ทำให้

  1. โรงงานใช้ข้อมูลตัดสินใจได้ถูกต้อง
  2. ลดต้นทุนการผลิตและค่าเสียหาย
  3. เพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและแรงงาน
  4. ควบคุมคุณภาพได้ละเอียดมากขึ้น
  5. มองเห็นภาพรวมได้แบบ Real-time

ในยุคที่การผลิตต้องแข่งขันเรื่องความเร็วและต้นทุน ระบบ ERP คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้โรงงานเติบโต และพร้อมก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 อย่างสมบูรณ์


ติดต่อรับทำระบบ ERP โรงงานคลิกที่นี้ >>> https://appkrub.com/contact

รับทำระบบ ERP

รับทำระบบERP โรงงาน

work
together
Scroll to top